วันอังคารที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2553
วันจันทร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2553
วิธีรักษาสิวแบบประหยัด
วิธีรักษาสิวแบบประหยัด
วิธีรักษาสิวแบบประหยัด
ใคร ที่เป็นสิวบ่อย ๆ แล้วไม่อยากไปรักษาแพง ๆ วันนี้เกร็ดความรู้มีวิธีรักษาแบบประหยัดมาฝากกัน...- ต้องถ่ายน้ำเหลืองออกจากตัวบ้าง ด้วยการไปซื้อ "ดีเกลือฝรั่ง" มารับประทาน ราคาก็ไม่แพงมากนัก- ควรลดอาหารประเภทมีไขมันสูงและเผ็ดจัด เช่น อาหารที่ทำจากกะทิ ถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็จะดี เพราะไขมันเหล่านี้จะทำให้รูขุมขนอุดตัน ส่วนความเผ็ดจะเร่งให้สิวเกิดมากขึ้น- ใช้ปลายนิ้วถูตามใบหน้าแรง ๆ เพื่อให้กากไขมันหลุด แต่ไม่ต้องแรงมากจนเป็นผื่นแดงเพราะจะทำให้ใบหน้าเป็นแผลและมีอาการแสบได้- ทุกครั้งที่หน้าเปียกให้เช็ดหน้าให้แห้งทันที โดยการซับหน้าเบา ๆ- ต้องงดใช้เครื่องสำอางเพื่อเพิ่มความสวยทุกชนิดสักระยะ แม้แต่แป้งก็ห้ามใช้ ทั้งนี้เพื่อรักษาใบหน้าให้สะอาด แห้ง และจะได้ไม่มีอะไรมาอุดตันรูขุมขน- ควรรับประทานผักและดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อระบบขับถ่ายที่ดี เพราะการที่เบ่งอุจจาระก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสิวได้
วิธีรักษาสิวแบบประหยัด
ใคร ที่เป็นสิวบ่อย ๆ แล้วไม่อยากไปรักษาแพง ๆ วันนี้เกร็ดความรู้มีวิธีรักษาแบบประหยัดมาฝากกัน...- ต้องถ่ายน้ำเหลืองออกจากตัวบ้าง ด้วยการไปซื้อ "ดีเกลือฝรั่ง" มารับประทาน ราคาก็ไม่แพงมากนัก- ควรลดอาหารประเภทมีไขมันสูงและเผ็ดจัด เช่น อาหารที่ทำจากกะทิ ถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็จะดี เพราะไขมันเหล่านี้จะทำให้รูขุมขนอุดตัน ส่วนความเผ็ดจะเร่งให้สิวเกิดมากขึ้น- ใช้ปลายนิ้วถูตามใบหน้าแรง ๆ เพื่อให้กากไขมันหลุด แต่ไม่ต้องแรงมากจนเป็นผื่นแดงเพราะจะทำให้ใบหน้าเป็นแผลและมีอาการแสบได้- ทุกครั้งที่หน้าเปียกให้เช็ดหน้าให้แห้งทันที โดยการซับหน้าเบา ๆ- ต้องงดใช้เครื่องสำอางเพื่อเพิ่มความสวยทุกชนิดสักระยะ แม้แต่แป้งก็ห้ามใช้ ทั้งนี้เพื่อรักษาใบหน้าให้สะอาด แห้ง และจะได้ไม่มีอะไรมาอุดตันรูขุมขน- ควรรับประทานผักและดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อระบบขับถ่ายที่ดี เพราะการที่เบ่งอุจจาระก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสิวได้
วิธีรักษาสิวแบบประหยัด
ใคร ที่เป็นสิวบ่อย ๆ แล้วไม่อยากไปรักษาแพง ๆ วันนี้เกร็ดความรู้มีวิธีรักษาแบบประหยัดมาฝากกัน...- ต้องถ่ายน้ำเหลืองออกจากตัวบ้าง ด้วยการไปซื้อ "ดีเกลือฝรั่ง" มารับประทาน ราคาก็ไม่แพงมากนัก- ควรลดอาหารประเภทมีไขมันสูงและเผ็ดจัด เช่น อาหารที่ทำจากกะทิ ถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็จะดี เพราะไขมันเหล่านี้จะทำให้รูขุมขนอุดตัน ส่วนความเผ็ดจะเร่งให้สิวเกิดมากขึ้น- ใช้ปลายนิ้วถูตามใบหน้าแรง ๆ เพื่อให้กากไขมันหลุด แต่ไม่ต้องแรงมากจนเป็นผื่นแดงเพราะจะทำให้ใบหน้าเป็นแผลและมีอาการแสบได้- ทุกครั้งที่หน้าเปียกให้เช็ดหน้าให้แห้งทันที โดยการซับหน้าเบา ๆ- ต้องงดใช้เครื่องสำอางเพื่อเพิ่มความสวยทุกชนิดสักระยะ แม้แต่แป้งก็ห้ามใช้ ทั้งนี้เพื่อรักษาใบหน้าให้สะอาด แห้ง และจะได้ไม่มีอะไรมาอุดตันรูขุมขน- ควรรับประทานผักและดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อระบบขับถ่ายที่ดี เพราะการที่เบ่งอุจจาระก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสิวได้
วิธีรักษาสิวแบบประหยัด
ใคร ที่เป็นสิวบ่อย ๆ แล้วไม่อยากไปรักษาแพง ๆ วันนี้เกร็ดความรู้มีวิธีรักษาแบบประหยัดมาฝากกัน...- ต้องถ่ายน้ำเหลืองออกจากตัวบ้าง ด้วยการไปซื้อ "ดีเกลือฝรั่ง" มารับประทาน ราคาก็ไม่แพงมากนัก- ควรลดอาหารประเภทมีไขมันสูงและเผ็ดจัด เช่น อาหารที่ทำจากกะทิ ถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็จะดี เพราะไขมันเหล่านี้จะทำให้รูขุมขนอุดตัน ส่วนความเผ็ดจะเร่งให้สิวเกิดมากขึ้น- ใช้ปลายนิ้วถูตามใบหน้าแรง ๆ เพื่อให้กากไขมันหลุด แต่ไม่ต้องแรงมากจนเป็นผื่นแดงเพราะจะทำให้ใบหน้าเป็นแผลและมีอาการแสบได้- ทุกครั้งที่หน้าเปียกให้เช็ดหน้าให้แห้งทันที โดยการซับหน้าเบา ๆ- ต้องงดใช้เครื่องสำอางเพื่อเพิ่มความสวยทุกชนิดสักระยะ แม้แต่แป้งก็ห้ามใช้ ทั้งนี้เพื่อรักษาใบหน้าให้สะอาด แห้ง และจะได้ไม่มีอะไรมาอุดตันรูขุมขน- ควรรับประทานผักและดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อระบบขับถ่ายที่ดี เพราะการที่เบ่งอุจจาระก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสิวได้
วิธีรักษาสิวแบบประหยัด
ใคร ที่เป็นสิวบ่อย ๆ แล้วไม่อยากไปรักษาแพง ๆ วันนี้เกร็ดความรู้มีวิธีรักษาแบบประหยัดมาฝากกัน...- ต้องถ่ายน้ำเหลืองออกจากตัวบ้าง ด้วยการไปซื้อ "ดีเกลือฝรั่ง" มารับประทาน ราคาก็ไม่แพงมากนัก- ควรลดอาหารประเภทมีไขมันสูงและเผ็ดจัด เช่น อาหารที่ทำจากกะทิ ถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็จะดี เพราะไขมันเหล่านี้จะทำให้รูขุมขนอุดตัน ส่วนความเผ็ดจะเร่งให้สิวเกิดมากขึ้น- ใช้ปลายนิ้วถูตามใบหน้าแรง ๆ เพื่อให้กากไขมันหลุด แต่ไม่ต้องแรงมากจนเป็นผื่นแดงเพราะจะทำให้ใบหน้าเป็นแผลและมีอาการแสบได้- ทุกครั้งที่หน้าเปียกให้เช็ดหน้าให้แห้งทันที โดยการซับหน้าเบา ๆ- ต้องงดใช้เครื่องสำอางเพื่อเพิ่มความสวยทุกชนิดสักระยะ แม้แต่แป้งก็ห้ามใช้ ทั้งนี้เพื่อรักษาใบหน้าให้สะอาด แห้ง และจะได้ไม่มีอะไรมาอุดตันรูขุมขน- ควรรับประทานผักและดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อระบบขับถ่ายที่ดี เพราะการที่เบ่งอุจจาระก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสิวได้
วิธีรักษาสิวแบบประหยัด
ใคร ที่เป็นสิวบ่อย ๆ แล้วไม่อยากไปรักษาแพง ๆ วันนี้เกร็ดความรู้มีวิธีรักษาแบบประหยัดมาฝากกัน...- ต้องถ่ายน้ำเหลืองออกจากตัวบ้าง ด้วยการไปซื้อ "ดีเกลือฝรั่ง" มารับประทาน ราคาก็ไม่แพงมากนัก- ควรลดอาหารประเภทมีไขมันสูงและเผ็ดจัด เช่น อาหารที่ทำจากกะทิ ถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็จะดี เพราะไขมันเหล่านี้จะทำให้รูขุมขนอุดตัน ส่วนความเผ็ดจะเร่งให้สิวเกิดมากขึ้น- ใช้ปลายนิ้วถูตามใบหน้าแรง ๆ เพื่อให้กากไขมันหลุด แต่ไม่ต้องแรงมากจนเป็นผื่นแดงเพราะจะทำให้ใบหน้าเป็นแผลและมีอาการแสบได้- ทุกครั้งที่หน้าเปียกให้เช็ดหน้าให้แห้งทันที โดยการซับหน้าเบา ๆ- ต้องงดใช้เครื่องสำอางเพื่อเพิ่มความสวยทุกชนิดสักระยะ แม้แต่แป้งก็ห้ามใช้ ทั้งนี้เพื่อรักษาใบหน้าให้สะอาด แห้ง และจะได้ไม่มีอะไรมาอุดตันรูขุมขน- ควรรับประทานผักและดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อระบบขับถ่ายที่ดี เพราะการที่เบ่งอุจจาระก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสิวได้
5 เคล็ดลับ ขจัดความเครียจ
5 เคล็ดลับ ขจัดเครียด
บท ความ เกร็ดความรู้ สุขภาพ เทคนิค 5 เคล็ดลับ ขจัดเครียดเพื่อป้องกัน โรค ช่วงนี้ใครมีปัญหาให้ขบคิดจนเกิดอาการเครียดๆ ไม่ต้องกังกล เพราะเรานำ บทความ เกร็ดความรู้ สุขภาพ เทคนิค 5 เคล็ดลับ ขจัดเครียดมาฝากกันค่ะ เอาเป็นว่าไปอ่าน บทความ เกร็ดความรู้ สุขภาพ เทคนิค 5 เคล็ดลับ ขจัดเครียดเพื่อป้องกัน โรค กันนะคะฝึกหายใจ: นั่งลงและเอนหลังกับพนักเก้าอี้ในท่าสบาย สูดหายใจเข้าลึกๆ และช้าๆ วิธีนี้จะสามารถขจัดความเครียดออกไปได้ นวด ฝ่าเท้า : ใช้นิ้วหัวแม่มือกดลงบนฝ่าเท้า แล้วนวดคลึงเบาๆ เพื่อคลายเส้นที่ปวดตึง โดยไล่จากส้นเท้าไปจนถึงปุ่มโคนหัวแม่เท้า แล้วจึงค่อยนวดวนออกไปด้านนอกฝ่าเท้า น้ำช่วยได้ : แค่น้ำเปล่าเย็นๆ หรือน้ำส้มคั้นสดๆ จากตู้เย็นเพียงหนึ่งแก้ว ก็สามารถทำให้รู้สึกผ่อนคลายในยามเครียดได้อย่างประหลาด กลิ่น หอมขจัดเครียด:น้ำมันหอมที่มีกลิ่นหอมสดชื่นที่เรารู้จักคุ้นหูกันดีในนาม ของ Aromatherapy สามารถช่วยคลายเครียดได้ เพียงเทน้ำมันหอมลงบนฝ่ามือแล้วนวดคลึงเบาๆ บริเวณขมับ ก็จะทำให้รู้สึกปลอดโปร่ง ขจัด ความเมื่อยขบให้ลำตัว :เมื่อความเครียดรุมเร้าจะปวดไหล่ หลังและคอ ลองเปลี่ยนอิริยาบทง่ายๆ โดยขยับตัวออกมานั่งตรงส่วนปลายของเก้าอี้ วางเท้าลงที่พื้นในท่าสบาย จากนั้นวางมือขวาที่ต้นขาซ้าย แล้วเอื้อมมือซ้ายไปจับที่พนักเก้าอี้เหนือไหล่ขวา บิดตัวไปทางซ้ายช้าๆ จนสุด พร้อมเป่าลมออกจากแก้ม สูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับหมุนตัวกลับไปในท่าตรง แล้วค่อยๆ ปล่อยลมออกทางปาก จนกลับมาอยู่ในท่าตรง สลับทำแบบเดียวกันด้านขวาและทำหลายๆ รอบ
บท ความ เกร็ดความรู้ สุขภาพ เทคนิค 5 เคล็ดลับ ขจัดเครียดเพื่อป้องกัน โรค ช่วงนี้ใครมีปัญหาให้ขบคิดจนเกิดอาการเครียดๆ ไม่ต้องกังกล เพราะเรานำ บทความ เกร็ดความรู้ สุขภาพ เทคนิค 5 เคล็ดลับ ขจัดเครียดมาฝากกันค่ะ เอาเป็นว่าไปอ่าน บทความ เกร็ดความรู้ สุขภาพ เทคนิค 5 เคล็ดลับ ขจัดเครียดเพื่อป้องกัน โรค กันนะคะฝึกหายใจ: นั่งลงและเอนหลังกับพนักเก้าอี้ในท่าสบาย สูดหายใจเข้าลึกๆ และช้าๆ วิธีนี้จะสามารถขจัดความเครียดออกไปได้ นวด ฝ่าเท้า : ใช้นิ้วหัวแม่มือกดลงบนฝ่าเท้า แล้วนวดคลึงเบาๆ เพื่อคลายเส้นที่ปวดตึง โดยไล่จากส้นเท้าไปจนถึงปุ่มโคนหัวแม่เท้า แล้วจึงค่อยนวดวนออกไปด้านนอกฝ่าเท้า น้ำช่วยได้ : แค่น้ำเปล่าเย็นๆ หรือน้ำส้มคั้นสดๆ จากตู้เย็นเพียงหนึ่งแก้ว ก็สามารถทำให้รู้สึกผ่อนคลายในยามเครียดได้อย่างประหลาด กลิ่น หอมขจัดเครียด:น้ำมันหอมที่มีกลิ่นหอมสดชื่นที่เรารู้จักคุ้นหูกันดีในนาม ของ Aromatherapy สามารถช่วยคลายเครียดได้ เพียงเทน้ำมันหอมลงบนฝ่ามือแล้วนวดคลึงเบาๆ บริเวณขมับ ก็จะทำให้รู้สึกปลอดโปร่ง ขจัด ความเมื่อยขบให้ลำตัว :เมื่อความเครียดรุมเร้าจะปวดไหล่ หลังและคอ ลองเปลี่ยนอิริยาบทง่ายๆ โดยขยับตัวออกมานั่งตรงส่วนปลายของเก้าอี้ วางเท้าลงที่พื้นในท่าสบาย จากนั้นวางมือขวาที่ต้นขาซ้าย แล้วเอื้อมมือซ้ายไปจับที่พนักเก้าอี้เหนือไหล่ขวา บิดตัวไปทางซ้ายช้าๆ จนสุด พร้อมเป่าลมออกจากแก้ม สูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับหมุนตัวกลับไปในท่าตรง แล้วค่อยๆ ปล่อยลมออกทางปาก จนกลับมาอยู่ในท่าตรง สลับทำแบบเดียวกันด้านขวาและทำหลายๆ รอบ
ไอศครีมอาหารขยะ
ไอศกรีม อาหารขยะ
ไอศกรีม บางยี่ห้อ บางผู้ผลิต ใช้ไขมันที่เหลือจากโรงฆ่าสัตว์ แทน และได้ใส่ส่วนผสมสังเคราะห์ จากสารเคมีต่าง ๆ ดังนี้ 1. ไดอิธิลกลูคอล ( diethyl glucol ) .. สารเคมีราคาถูก ใช้ตีไขมัน ให้กระจาย แทนการใช้ ่ไข่ เป็นสารกันเยือกแข็ง ที่ใช้กันน้ำแข็ง ( anti freeze) และผสมในน้ำยากัดสี 2. อัลดีไฮด์ - ซี 71 ( aldehyde-C71 ) .. ใช้สร้างกลิ่น เชอร์รี่ ให้ไอศกรีมเป็นของเหลวติดไฟง่าย และยังนำไปใช้ทำสีอะนิลีน พลาสติกและยาง3. ไปเปอร์โอรัล ( piperoral ) .. ใช้แทนวานิลลา เป็นสารเคมีที่ใช้ฆ่าเหาและหมัด 4. อิธิลอะซีเตท ( ethyl acetate ) .. ใช้สร้างกลิ่นรสสับปะรด ใช้เป็นตัวทำความสะอาดหนังและผ้าทอ กลิ่นของสารเคมีตัวนี้ ทำให้เกิดโรคปอดเรื้อรัง ตับ และหัวใจผิดปกติ 5. บิวธีรัลดีไฮด์ ( butyraldehyde) ใช้สร้างกลิ่นรสเมล็ดในผล ไม้เปลือกแข็ง เป็นสารประกอบสำคัญในกาวยาง 6. แอนนิล อะซีเตท ( anyle acetate) ใช้สร้างกลิ่นรสกล้วยหอม เป็นสารทำลายใช้ล้างไขมัน 7. เบนซิล อะซีเตท( benzyle acetate) ใช้สร้างกลิ่นและรสสตรอเบอร์รี่
ไอศกรีม บางยี่ห้อ บางผู้ผลิต ใช้ไขมันที่เหลือจากโรงฆ่าสัตว์ แทน และได้ใส่ส่วนผสมสังเคราะห์ จากสารเคมีต่าง ๆ ดังนี้ 1. ไดอิธิลกลูคอล ( diethyl glucol ) .. สารเคมีราคาถูก ใช้ตีไขมัน ให้กระจาย แทนการใช้ ่ไข่ เป็นสารกันเยือกแข็ง ที่ใช้กันน้ำแข็ง ( anti freeze) และผสมในน้ำยากัดสี 2. อัลดีไฮด์ - ซี 71 ( aldehyde-C71 ) .. ใช้สร้างกลิ่น เชอร์รี่ ให้ไอศกรีมเป็นของเหลวติดไฟง่าย และยังนำไปใช้ทำสีอะนิลีน พลาสติกและยาง3. ไปเปอร์โอรัล ( piperoral ) .. ใช้แทนวานิลลา เป็นสารเคมีที่ใช้ฆ่าเหาและหมัด 4. อิธิลอะซีเตท ( ethyl acetate ) .. ใช้สร้างกลิ่นรสสับปะรด ใช้เป็นตัวทำความสะอาดหนังและผ้าทอ กลิ่นของสารเคมีตัวนี้ ทำให้เกิดโรคปอดเรื้อรัง ตับ และหัวใจผิดปกติ 5. บิวธีรัลดีไฮด์ ( butyraldehyde) ใช้สร้างกลิ่นรสเมล็ดในผล ไม้เปลือกแข็ง เป็นสารประกอบสำคัญในกาวยาง 6. แอนนิล อะซีเตท ( anyle acetate) ใช้สร้างกลิ่นรสกล้วยหอม เป็นสารทำลายใช้ล้างไขมัน 7. เบนซิล อะซีเตท( benzyle acetate) ใช้สร้างกลิ่นและรสสตรอเบอร์รี่
ประโยชน์ของฟรีอีเมลล์
1.ตกแต่งภาพโดยการเอารูปฝากไว้ที่เว็บไซต์
2.นำไปใช้ในโฆษณา
3.นำไปใช้ในงานต่างๆ เช่น งานเเต่งงาน
2.นำไปใช้ในโฆษณา
3.นำไปใช้ในงานต่างๆ เช่น งานเเต่งงาน
อาหารอันตรายเมือ่ท้องว่าง
คุณทราบไหมว่าเมื่อท้องของคุณว่างแล้วคุณรับประทานอาหารเข้าไป อาจส่งผลร้ายต่อสุขภาพของคุณได้ เพราะฉะนั้น ก่อนที่จะรับประทานอาหาร ควรเลือกชนิดของอาหารเสียก่อน อาหารที่ไม่ควรรับประทาน ขณะท้องว่างมีชนิดใดบ้าง มีบางชนิดที่เราแทบไม่เชื่อเลยล่ะกล้วย.. เพราะกล้วยอุดมไปด้วยธาตุแมกนีเซียม การรับประทานกล้วย ขณะท้องว่าง จะทำให้ปริมาณธาตุแมกนีเซียมในเลือดสูงขึ้น ทำให้สูญเสียสัดส่วนของแคลเซียมและแมกนีเซียมไป เป็นการยับยั้ง การทำงานของหลอดเลือดหัวใจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ อย่างยิ่ง กระเทียม .. เพราะจะทำให้เยื่อบุกระเพาะอาหาร ได้รับการกระตุ้นเกิด โรคกระเพาะอาหารอักเสบอย่างรุนแรง ผัก.. การรับประทานผักอย่างเดียวขณะท้องว่าง จะทำให้กระเพาะอาหารเกิดอาการผิดปรกติ ไม่ควรอาบน้ำ และออกกำลังกายด้วยเช่นกัน เพราะการอาบน้ำและการออกกำลังกาย ในขณะที่ท้องว่าง จะทำให้เกิดอาการช็อก เนื่องจากน้ำตาลในเลือดต่ำได้ง่าย นมและนมถั่วเหลือง .. แม้ว่านมถั่วเหลืองจะอุดมไปด้วยโปรตีน แต่จะเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด เมื่อกระเพาะอาหาร มีสารอาหารประเภทแป้งอยู่ด้วย เหล้า .. หากดื่มเหล้าในขณะท้องว่าง จะไปกระตุ้นเยื่อบุกระเพาะอาหาร ทำให้เป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบ และเป็นแผลในกระเพาะอาหารได้ น้ำตาลหรืออาหารหวาน. .. ไม่ควรรับประทานอาหารหวาน หรือน้ำตาล เช่น น้ำอัดลม ช็อกโกแลต เพราะหากรับประทานขณะท้องว่าง จะทำให้โปรตีนรวมตัวกับน้ำตาลส่งผลต่อการดูดซึมโปรตีนทุกชนิด และลดสมรรถภาพการทำงานของระบบหมุนเวียนเลือดและไต ชา. .. ที่แก่เกินไป ชาทำให้กรดเกลือในน้ำย่อย ในกระเพาะอาหารเจือจาง ส่งผลให้การทำงาน ของระบบย่อยอาหารลดลง และเกิดอาการใจสั่น เวียนศีรษะ มือเท้าไม่มีแรง จิตใจไม่สงบ ลูกพลับ .. ไม่ควรรับประทานลูกพลับในขณะที่ท้องว่าง เพราะกระเพาะอาหารจะหลั่งกรดเกลือออกมามาก หากไปรวมตัวกับยาง และสารแขวนลอยในลูกพลับแล้วจะทำให้เจ็บหน้าอก คลื่นไส้ และเป็น
อัคสวินลดไขมันในเลือด
ร่างกายของคนเราสามารถสร้างคอเลสเตอรอลได้เองอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าเรารับประทานอาหารที่มีไขมันสูง ระดับคอเลสเตอรอลในกระแสเลือด ก็จะมีสูงขึ้นตามไปด้วย เสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดอุดตัน และหัวใจวายแน่นอน อาหารบางอย่างมีคุณสมบัติ ช่วยควบคุมคอเลสเตอรอลได้ เป็นอย่างดีเยี่ยม 6 อัศวินตัวสำคัญนั้นคือ 1. มะเขือต่างๆ.. 2. หอมหัวใหญ่.. 3. กระเทียม 4. ถั่วเหลือง.. 5. แอปเปิล.. 6. โยเกิร์ต วันใดมื้อใดที่คุณมีเมนูอาหารซึ่งอุดมไปด้วยไขมันมากๆ ก็ควรรับประทานอัศวินตัวหนึ่งตัวใดเพื่อควบคุมไขมัน
ผลกระทบของการอดนอน
งานวิจัยเชิงทดลอง โดยอาสาสมัครหนุ่มสาว ทดลองนอนหลับวันละ 4 ชม. เป็นเวลา 6 คืน เมื่อเจาะตัวอย่างเลือด พบว่า มีปัญหาระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นและควบคุมยาก ซึ่งเกือบจะเป็นเหมือนโรคเบาหวาน นักวิจัยยังพบว่าการอดนอนเป็นสาเหตุของโรคอ้วน โดยเกี่ยวข้องกับฮอร์โมนเร่งการเติบโต ซึ่งเป็นฮอร์โมนกระตุ้นการเจริญเติบโตทางกายภาพ และควบคุมสัดส่วนของไขมันต่อกล้ามเนื้อในร่างกาย การอดนอนทำให้ฮอร์โมนนี้หลั่งน้อยลง ร่ายกายรู้สึกอยากอาหารมากขึ้น นอกจากนี้ยังส่งผลต่อฮอร์โมนเลปติน ซึ่งเป็นสารที่สื่อต่อระบบประสาท ว่า ควรจะอิ่มได้เร็วหรือช้าเท่าใด ตามความต้องการอาหารของร่างกาย เมื่อระดับเลปตินลดลงจากการนอนน้อย ผู้คนจะรู้สึกอยากอาหารมากขึ้น แม้จะได้กินอาหารจนได้พลังงานเพียงพอแล้วก็ตาม การนอนไม่พอยังส่งผลต่อเม็ดเลือดขาว และกลไกการตอบสนองภูมิคุ้มกันต่างๆ ของร่างกาย ทำให้เจ็บป่วยง่ายเมื่อเจอเชื้อโรค การนอนไม่พออาจส่งผลร้ายแรงถึงขั้นเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง มีความเกี่ยวข้องกันในเรื่องวงจรการหลั่งฮอร์โมนแปรปรวน เนื่องมาจากการอดนอนและ แสงรบกวนในเวลากลางคืน ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านม ฉะนั้น นอกจากเราควรจะนอนให้เพียงพอแล้ว เรายังไม่ควรเปิดไฟนอนอีกด้วย
ค้านมะเร็ง
1. รับประทานผักตระกูลกะหล่ำให้มาก เช่น กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก ผักคะน้า หัวผักกาด บรอคโคลี่ ฯลฯ เพื่อป้องกัน โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ลำไส้ส่วนปลาย กระเพาะอาหาร และอวัยวะระบบทางเดินหายใจ 2. รับประทานอาหารที่มีกากมาก เช่น ผัก ผลไม้ ข้าว ข้าวโพด และเมล็ดธัญพืชอื่น ๆ เพื่อป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ 3. รับประทานอาหารที่มีเบต้าแคโรทีน และไวตามินเอสูง เช่น ผัก ผลไม้สีเขียว-เหลือง เพื่อป้องกันมะเร็งหลอดอาหาร กล่องเสียง และปอด 4. รับประทานอาหารที่มีไวตามินซีสูงเช่น ผัก ผลไม้ต่างๆ เพื่อป้องกันมะเร็งหลอดอาหาร และกระเพาะอาหาร 5. ควบคุมน้ำหนักตัว..โรคอ้วนมีความสัมพันธ์กับโรคมะเร็ง เช่น มดลูก ถุงน้ำดี เต้านม และลำไส้ใหญ่
ขนมเคลืบยาพิษ
อันตรายจากอาหารขบเคี้ยว ข้อมูลจากการสำรวจ ของราชพฤกษ์โพล คณะสาธารณะสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งเก็บตัวอย่างจากขนมหลายประเภท จากโรงเรียนอนุบาลและประถมศึกษา จำนวน 40 โรงเรียน ในพื้นที่ 17 เขตของกรุงเทพมหานคร พบว่าภัยร้ายที่แฝงอยู่ในขนมเด็ก โดยเฉพาะสารตะกั่วซึ่งเป็นพิษต่อร่างกาย ขณะเดียวกันก็ยังพบสารอันตรายอื่นๆ โดยเฉพาะเกลือโซเดียมในปริมาณมากน้อยต่างกันไป ซึ่งหากบริโภค มากจนตกค้างสะสมในร่างกาย อาจมีผลให้เส้นเลือดในสมองโป่งพองได้ 10 อันดับขนมขบเคี้ยวประเภทข้าว แป้ง ที่พบปริมาณโซเดียมสูงสุดดังนี้ 1. ข้าวเกรียบปลาหมึก ตราอาริงาโตป้ง 2. ขนมทอดกรอบตราปูไทย ซองส้มเข้มป้ง 3. ข้าวเกรียบทอด ตราเอสบี รสพริกหยวก 4. ข้าวเกรียบกุ้ง ตราฮานามิ รสเม็กซิกันชิลลี่5. แป้งมันฝรั่งทอดกรอบ ตราโรลเลอร์ โคสเตอร์ รสหัวหอมทรงเครื่อง 6. แป้งข้าวโพดอบกรอบ ตราโจโต้ รสปลาหมึก 7. ข้าวเกรียบกุ้ง ตราคาลบี้ รสต้มยำรสแซบ 8. ข้าวเกรียบปลา ตรามโนห์รา 9. ข้าวเกรียบกุ้ง ตรามโนห์รา 10. ข้าวเกรียบรสมะเขือเทศ
วิธีลดเลือนความแก่7ประการ
เรื่องความชราที่มาเยือนนั้นเป็นไปตามวัยก็จริง แต่หนุ่มสาวสมัยนี้กลับ "แก่ก่อนวัย" ถึงเป็นที่มาของความเชื่อที่ว่า "ทุกอย่างนั้นอยู่ที่ใจ" เคล็ดลับเหล่านี้ได้จาก น.พ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ สูตินารีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ๑.ต้องไม่อยากแก่... ต้องตั้งใจคงความเป็นหนุ่มเป็นสาวเอาไว้ และต้องปฏิบัติควบคู่ไปทั้งร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ๒.มีใจเป็นหนุ่มสาว.. คือ รักอิสระ มองโลกในแง่ดีและที่สำคัญมีความหวังเสมอ หรือการคบเพื่อนที่อายุน้อยกว่าก็เป็นวิธีการที่ดี๓.ลดความเครียด.. เลิกเอาคิ้วผูกโบได้แล้ว ลองยิ้มให้มากขึ้น ถ้าไม่รู้จะยิ้มอย่างไรก็ลองยิ้มกับกระจกเงาที่บ้านดูสิ ๔.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ.. ออกกำลังการอย่างน้อย 15 นาทีจะดี ๕.กินอาหารต้านชรา.. พยายามเลือกอาหารที่มีประโยชน์กับร่างกาย เช่น พืชผักผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ๖.นอนหลับเพียงพอ.. เราควรจะนอนให้เพียงพอกับร่างกาย ที่ดีที่สุดควรนอนก่อนสี่ทุ่มจะดีที่สุด ๗.ความรัก.. ความรักเท่านั้นที่จะช่วยให้คนสดชื่น กระชุ่มกระชวย ทั้งความรักของคนหรือสัตว์ ก็จะช่วยให้เราหัวใจเบิกบาน
ป้องกันเส้นเลือดอุตตันด้วยช็อคโกแลต
นักวิจัยพบว่าช๊อกโกแลตดำเพียงวันละสองช้อนโต๊ะ หรือจะแปรรูปเป็นโกโก้ร้อน 1 แก้ว ช่วยป้องกันการอุดตันของเส้นเลือดได้พอๆ กับการกินยาแอสไพรินโครงการศึกษาผลจากยาแอสไพรินที่มีผลต่อเกร็ดเลือด โดยศาสตราจารย์ไดแอนน์เบกเกอร์ ผู้นำการวิจัยของมหาวิทยาลัย จอห์น ฮอปกินส์ ประเทศสหรัฐอเมริกากำหนดให้กลุ่มตัวอย่างออกกำลังกาย งดบุหรี่ และอาหารบางอย่าง เช่น ไวน์ ชากาแฟ และช๊อกโกแลตก่อนเข้ารับการทดลอง หลังจากนั้นนักวิจัยทำการเปรียบเทียบ ระยะเวลาที่เกล็ดเลือดจับตัวกันเป็นก้อน พบว่าเกล็ดเลือดของกลุ่มตัวอย่างที่ไม่งดช๊อกโกแลต มีเกล็ดเลือดจับตัวกันช้ากว่ากลุ่มนักวิจัยจึงศึกษาเพิ่มเติมคุณสมบัติของ เมล็ดโกโก้ และพบว่าในเมล็ดโกโก้มีสารเคมีชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า ฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นส่วนผสมสำคัญที่มีผลทางชีวเคมีที่ออกฤทธิ์คล้ายกับยาแอสไพรินที่ ช่วยลดการจับตัวของเกล็ดเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เส้นเลือด และหลอดเลือดอุดตันที่อาจส่งผลรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตในที่สุดก่อนหน้านี้ก็ ได้มีรายงานการวิจัยที่ออกมาสนับสนุนประโยชน์ของช๊อกโกแลตอย่างต่อเนื่อง อาทิ พบว่าในช๊อกโกแลตมีสารเพนเทเมอร์ที่ช่วยยับยั้งการลุกลามของเซลล์มะเร็งได้ และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่อาจช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ แม้ว่าสารเคมีที่อยู่ในเมล็ดโกโก้จะมีผลดีต่อการไหลเวียนของโลหิตได้ดี แต่หากว่าร่างกายได้รับไขมันและน้ำตาลที่มากเกินไปก็อาจจะเพิ่มความเสี่ยง ต่อหัวใจของคุณได้เช่นกัน
วิทยาศาสตร์กับไม่กวาดแฮรี่พอตเตอร์
วิทยาศาสตร์กับไม่กวาดแฮรี่พอตเตอร์
แฮ ร์รี่ พอตเตอร์ขึ้นบินครั้งแรกด้วยไม้กวาดของโรงเรียนฮอกวอตส์ในวิชาฝึกบินของมา ดามฮูช แต่ไม้กวาดด้ามแรกที่เป็นของเขาเอง คือ "นิมบัสสองพัน" ส่วนไม้กวาดด้ามที่ 2 ของเขา คือ "ไฟร์โบลต์" ซึ่งทำความเร็วได้สูงสุดถึง 240 ก.ม./ช.ม. และสำหรับแฟนๆ ของแฮร์รี่ พอตเตอร์ คงไม่มีใครปฏิเสธว่าฉากควิดดิช เกมส์กีฬาของเหล่าพ่อมดแม่มดที่ใช้ไม้กวาดเป็นพาหนะนั้น เป็นฉากที่ตื่นตาตื่นใจไม่น้อย แล้วมันจะมีโอกาสเป็นความจริงได้บ้างหรือไม่? จากหลักการในหนังสือ "วิทยาศาสตร์ในแฮร์รี่พอตเตอร์" (The Science of Harry Potter) ของ Roger Highfield อธิบาย ดังนี้ คนที่สามารถล่องลอยบนอากาศได้ ต้องขึ้นอยู่กับการเอาชนะแรงโน้มถ่วงด้วยการสร้างพลังแม่เหล็กที่สมบูรณ์ ดังที่ Andre Geim จากฮอลแลนด์ ได้ทดลองยกกบตัวเล็กให้ลอยกลางอากาศ ด้วยพลังแม่เหล็กจากการใช้รูปแบบของสภาวะแม่เหล็ก ที่เรียกว่า Diamagnetism (วัตถุที่เมื่อนำแม่เหล็กเข้าใกล้ จะเกิดแรงผลักอ่อนๆ ออกนอกสนามแม่เหล็ก เมื่อนำแม่เหล็กออกไป คุณสมบัติแม่เหล็กนี้ก็หายไปด้วย) การยกกบให้ลอยขึ้นสูงสองเมตรในกระบอกทดลอง ต้องใช้สนามแม่เหล็กที่มีกำลังสูงกว่าสนามแม่เหล็ก ธรรมชาติของโลกถึง 1 แสนเท่า และสูงกว่าแม่เหล็กติดตู้เย็นประมาณ 10 ถึง 100 เท่า แต่ปัญหาคือ ร่างกายมีคุณสมบัติทางแม่เหล็กไม่สม่ำเสมอทั่วร่างกาย เนื้อหลังกับกระดูกจึงถูกดึงขึ้นและรั้งลงไปทั่วร่างกาย ซึ่งอาจเป็นอันตรายได้ ดังนั้น หากยังไม่มีทฤษฎีอื่นมารองรับ หรือวิทยาการที่ก้าวไกลมากขึ้นอย่าเพิ่งทดลองบินด้วยทฤษฎีนี้จะดีกว่า
แฮ ร์รี่ พอตเตอร์ขึ้นบินครั้งแรกด้วยไม้กวาดของโรงเรียนฮอกวอตส์ในวิชาฝึกบินของมา ดามฮูช แต่ไม้กวาดด้ามแรกที่เป็นของเขาเอง คือ "นิมบัสสองพัน" ส่วนไม้กวาดด้ามที่ 2 ของเขา คือ "ไฟร์โบลต์" ซึ่งทำความเร็วได้สูงสุดถึง 240 ก.ม./ช.ม. และสำหรับแฟนๆ ของแฮร์รี่ พอตเตอร์ คงไม่มีใครปฏิเสธว่าฉากควิดดิช เกมส์กีฬาของเหล่าพ่อมดแม่มดที่ใช้ไม้กวาดเป็นพาหนะนั้น เป็นฉากที่ตื่นตาตื่นใจไม่น้อย แล้วมันจะมีโอกาสเป็นความจริงได้บ้างหรือไม่? จากหลักการในหนังสือ "วิทยาศาสตร์ในแฮร์รี่พอตเตอร์" (The Science of Harry Potter) ของ Roger Highfield อธิบาย ดังนี้ คนที่สามารถล่องลอยบนอากาศได้ ต้องขึ้นอยู่กับการเอาชนะแรงโน้มถ่วงด้วยการสร้างพลังแม่เหล็กที่สมบูรณ์ ดังที่ Andre Geim จากฮอลแลนด์ ได้ทดลองยกกบตัวเล็กให้ลอยกลางอากาศ ด้วยพลังแม่เหล็กจากการใช้รูปแบบของสภาวะแม่เหล็ก ที่เรียกว่า Diamagnetism (วัตถุที่เมื่อนำแม่เหล็กเข้าใกล้ จะเกิดแรงผลักอ่อนๆ ออกนอกสนามแม่เหล็ก เมื่อนำแม่เหล็กออกไป คุณสมบัติแม่เหล็กนี้ก็หายไปด้วย) การยกกบให้ลอยขึ้นสูงสองเมตรในกระบอกทดลอง ต้องใช้สนามแม่เหล็กที่มีกำลังสูงกว่าสนามแม่เหล็ก ธรรมชาติของโลกถึง 1 แสนเท่า และสูงกว่าแม่เหล็กติดตู้เย็นประมาณ 10 ถึง 100 เท่า แต่ปัญหาคือ ร่างกายมีคุณสมบัติทางแม่เหล็กไม่สม่ำเสมอทั่วร่างกาย เนื้อหลังกับกระดูกจึงถูกดึงขึ้นและรั้งลงไปทั่วร่างกาย ซึ่งอาจเป็นอันตรายได้ ดังนั้น หากยังไม่มีทฤษฎีอื่นมารองรับ หรือวิทยาการที่ก้าวไกลมากขึ้นอย่าเพิ่งทดลองบินด้วยทฤษฎีนี้จะดีกว่า
คำแนะนำเพื่อฝึกความจำดีขึ้น
1. หาเวลาที่เหมาะที่สุดกับการใช้ความคิดของเราในแต่ละช่วงวัน แต่ละคนแต่ละวัยจะมีช่วงทองให้กับการคิดไม่เหมือนกัน ว่ากันว่าคนมีอายุแล้วสมองจะเคลียร์ที่สุดก็เป็นช่วงเช้า พวกหนุ่มๆสาวๆนั้นกว่าจะมีสมาธิในการคิดได้ก็จะเป็นช่วงบ่าย ดูตัวเองว่าความคิดดีดีของเรานั้นมักจะมาในช่วงไหน แล้วเก็บช่วงนั้นไว้สำหรับงานที่ต้องการความคิดสร้างสรรค์2. หาความรู้อยู่เรื่อยๆ...รู้แบบกว้างๆ ไม่จำเป็นต้องรู้ลึกไปซะทุกอย่าง แต่ความรู้ที่สะสมมาจากทุกเรื่องจะช่วยต่อยอดกับข้อมูลใหม่ๆให้เข้าใจได้ ง่ายๆขึ้น3. "จดไว้ให้จำ" เครื่องช่วยจำที่ดีที่สุดก็คือจดทุกอย่างลงในกระดาษ เขียนไว้กันลืม สุภาษิตจีนบอกไว้ว่า ถึงแม้ว่าหยดหมึกที่จางที่สุดก็จะอยู่ได้นานกว่าความจำที่ว่าแม่นที่สุด4. เพิ่มพลังกับกาแฟ..แต่แค่ถ้วยเดียวพอนะ ที่จะช่วยให้มีสมาธิดีขึ้นมาบ้าง แต่ถ้าเวลาเครียดๆละก็ห้ามเด็ดขาดเพราะจะทำให้ฟุ้งซ่านมากกว่าเดิม5. โยงเรื่องใหม่กับความจำเดิม ให้คิดซะว่าความคิดหรือความจำที่มีอยู่เดิมนั้นเหมือนกับตุ๊กตาที่ถูกแขวน ไว้กลางอากาศ กำลังรอข้อมูลใหม่ๆเข้าไปปะติดปะต่อ อย่าปล่อยเรื่องใหม่ๆเข้าไปอย่างไม่มีจุดเชื่อมโยง เช่น ถ้าจะจำชื่อคน ก็ลองโยงความหมายหรือเสียงของชื่อนั้นเข้ากับสิ่งต่างๆที่เราคุ้นเคย6. ฝึก..ฝึก..ฝึกจำอยู่บ่อยๆ ถึงอายุอ่อนกว่าแค่ไหน แต่ถ้าไม่เคยฝึกท่องจำเลย ความจำก็อาจจะสู้คนแก่ไม่ได้ ถ้าไม่เชื่อลองนึกดูสิว่าไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนทำไมเราถึงไม่ลืมสูตรคูณ ที่เราท่องตั้งแต่ยังเด็กล่ะ7. ควรให้เวลาสมองได้รับเรื่องตลกๆหรือได้คิดอะไรที่ไร้สาระบ้าง เป็นการให้ความคิดของเราได้พักผ่อน8. รู้จักดัดแปลงความคิดสร้างสรรค์ มันมักจะเกิดขึ้นมาได้จากบางอย่างที่เราคุ้นเคยนั่นล่ะ จะเชื่อมั้ยล่ะ ถ้าบอกว่าวิธีเปิดฝากระป๋องแบบดึงขึ้นนั้นน่ะ ต้นตอมาจากการปลอกเปลือกกล้วยนั่นเอง9. คบเพื่อนที่ฉลาด มีความคิดกว้างๆ..แล้วคำโบราณที่บอกว่าคบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผลนั่นน่ะมันเป็นความจริง การที่เราได้อยู่ใกล้กับคนที่มีความรู้ เป็นคนฉลาดที่เปิดรับความรู้ใหม่ๆอยู่เสมอนั้นจะช่วยให้เราได้คิดตาม และฝึกสมองอยู่บ่อยๆ10. เลียนแบบลีโอนาโด..หมายถึง ลีโอนาโอ ดา วินซี มีวิธีมากมายที่ดาวินซีใช้สร้างสรรค์งานของเขาง่ายๆก็คือ ลองเขียนภาพจากมือที่ไม่ได้ถนัด11. เอาใจใส่ เคยมั้ยที่เวลาได้เจอใครๆกลับจำไม่ได้ว่าเขาชื่ออะไร ที่เป็นปัญหาอาจจะไม่ใช่เรื่องของความจำแต่เป็นเรื่องของการใส่ใจ ถ้าเราใส่ใจกับคนๆนั้น หรือสิ่งนั้น เราจะจำได้มากกว่าที่เป็น12. ฟังเพลงโมสาร์ท ก่อนนอนเปิดงานของโมสาร์ทฟังซักหนึ่งรอบ จะช่วยเรื่องความจำดีขึ้นได้13. ออกกำลังกาย เพื่อช่วยเพิ่มออกซิเจนที่ไม่ใช่แค่ให้ระบบต่างๆของร่างกายทำงานได้ดีขึ้น แต่หมายถึงสมองได้รับออกซิเจนมากขึ้นด้วย14. ลองทำสิ่งใหม่ๆจะได้มีแนวความคิดที่แปลกใหม่อยู่เสมอ15 ตัดเครื่องรบกวนสมาธิทั้งหมด ขึ้นป้าย Don't Disturb! ติดไว้ข้างตัว เวลาที่งานนั้นต้องใช้ความตั้งใจและมีสมาธิอย่างสูง และทางที่ดีดึงสายโทรศัพท์ออก
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)